กรรมของลุงแก้ว
พระที่วัดซึ่งพ่อเคารพนับถือ และยึดถือเป็นอาจารย์ เคยเล่าเรื่อง กรรมของลุงแก้ว ให้พ่อฟัง แล้วพ่อก็นำเรื่องมาเล่าต่อให้ลูกๆหลานๆและทุกคนในครอบครัวฟัง เป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นกับชายคนหนึ่งที่อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฏร์ธานี เมื่อหลายสิบปีมาแล้วพ่อเล่าว่า
ชายคนหนึ่งชื่อลุงแก้วเป็นคนวัดไม่มีลูกหรือภรรยา อาศัยวัดอยู่กับพระมาตลอด วันหนึ่งที่วัดมีงานบุญ ชาวบ้านจึงชักชวนกันไปตัดไม้ไผ่และไม้อื่นๆในป่า เพื่อจะเอามาใช้ปลูกโรงยกร้าน ลุงแก้วคนวัดได้ไปช่วยตัดไม้กับเขาด้วย แต่แกเดินลึกเข้าไปตัดอยู่คนละที่กับคนอื่นๆ จึงพบเต่ายางตัวหนึ่งยังไม่โตนัก ลุงแก้วนึกอยากกินเนื้อเต่าแต่จะพาเต่าออกไปในตอนนั้นก็กลัวชาวบ้านจะเห็น พระจะตำหนิว่าอาศัยวัดแล้วยังจะมาฆ่าสัตว์อีก ลุงแก้วจึงเอาเต่าเสียบไว้กับง่ามของต้นล้าน โดยคิดว่ากลับไปแล้วค่อยย้อนมาอีกครั้ง เพื่อแอบมาเผาเต่าตัวนี้กินให้ได้ แต่พอกลับไปถึงวัด ลุงแก้วช่วยเขายกโรงยกร้านทำโรงประรำจนลืมเรื่องที่เสียบเต่าไว้กับต้นล้านเสียสนิทจนเหตุการณ์ผ่านมาหลายสิบปี
ระหว่างนั้นลุงแก้วบวชเป็นพระอยู่สี่พรรษา แล้วก็ทนบวชอยู่ต่อไปไม่ไหวเพราะเป็นพระต้องรักษาศีล และต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ทำให้ต้องฝืนใจตัวเองมาก ลุงแก้วจึงสึกออกมาเป็นนายแก้วตามเดิม ขณะที่สึกใหม่ๆผมยังสั้นเกรียน ลุงแก้วเกิดนึกได้ว่าเคยไปตัดไม้ในป่าเมื่อตอนที่ตนยังไม่ได้บวช จำได้ว่าเอาเต่าตัวหนึ่งเสียบไว้กับง่ามไม้ ลุงแก้วไม่รู้ว่ามันตายหรือยังจึงกลับเข้าไปในป่าไปค้นหาดูอีกครั้ง ลุงแก้วเดินหาอยู่พักหนึ่งจึงไปพบต้นล้านที่เคยเอาเต่าเสียบไว้กับง่ามไม้ แต่ต้นล้านได้โตขึ้นจนเปลือกล้านหุ้มเต่าทั้งตัวไว้ข้างใน แต่เต่าตัวนั้นไม่ตายเพราะมีช่องให้โผล่หัวออกมา ด้วยกรรมที่บังตาแทนที่ลุงแก้วจะสงสารว่าตนได้ทรมานเต่าไว้นานตั้งสี่ห้าปี แกกลับคิดต่อไปว่าเต่าตัวนี้เป็น ของวิเศษ เป็นของกินที่หายากหากได้เผาหรือย่างกินเนื้อของมันคงจะอร่อยยิ่งกว่าเนื้อเต่าธรรมดา ขี้ในตัวของมันคงจะไม่มีเพราะไม่ได้กินผักกินหญ้า กินแต่น้ำค้างและแมลงบางตัวที่พลัดหลงเข้ามา และเต่าก็เป็นสัตว์ที่อายุยืนไม่ตายง่ายๆ ถ้าแกได้กินเนื้อของมันคงจะทำให้โรคภัยต่างๆในตัวของแกหายไปก็ได้ และอาจทำให้แกมีอายุยืนเป็นร้อยๆปีไปด้วย ลุงก้วจึงเอาขวานตัดโค่นต้นล้านแล้วผ่าเอาตัวเต่าออกมาก่อไฟแล้วเผาเต่ากินในป่า หลังจากฆ่าและกินเต่าตัวนั้นไปไม่นาน ลุงแก้วก็มีอาการนอนไม่หลับเพราะพอหลับแกฝันเห็นเต่าที่ตัวโตกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า ดวงตาแดงดั่งแสงไฟมาร้องขอทวงชีวิตคืน ด่าว่าแกใจร้าย เหี้ยมโหด ทรมานมันโดยเสียบไว้ที่ง่ามไม้ตั้งห้าปียังไม่พอ ยังมาฆ่ามันได้ลงคอ
ตลอดเวลาห้าปีที่มันถูกเสียบอยู่กับง่ามไม้กลายเป็นเต่าอัมพาตที่ไม่อาจจะกระดิกแขนขา ทุกวันมันได้แค่ส่ายหัว แหงนหน้า อ้าปากรับน้ำค้าง อ้าปากล่อแมลงให้เข้าไปไต่ตอมแล้วจึงกิน มันมีชีวิตอยู่อย่า อดอยากและทรมาน ได้แต่หวังว่าสักวันจะมีใครมาพบและช่วยออกไป ทรมานมันตั้งสี่ห้าปียังไม่พอ พอมาพบยังเอามันไปเผากินทั้งเป็นเสียอีก
ชาตินี้ทั้งชาติมันขออาฆาตจองเวร จะไม่ให้แกได้หลับนอนอย่างเป็นสุข จากนั้นตลอดทั้งวันทั้งคืนไม่ว่าจะง่วงงีบหลับตอนไหน ลุงแก้วก็เห็นแต่เต่ากำลังชูคอส่ายหัวอยู่ในง่ามไม้ เห็นภาพตอนต้นไม้ค่อยๆ งอกหุ้มตัวเต่าวันละนิดๆ เห็นน้ำตาเต่าไหลออกมา เห็นเต่ากำลังดิ้นรนอย่างทุกข์ทรมาน สุดท้ายเห็นมันดิ้นร่าอยู่ในกองไฟที่แกกำลังเผา ช่วงหนึ่งมันหลุดออกมาจากกองไฟแกก็ใช้ไม้เขี่ยมันกกลับเข้าไปอีก และเห็นภาพที่แกกำลังกินเนื้อเต่า ลุงแก้ว
ต้องทรมานอยู่ในความรู้สึกที่คอยหลอกหลอนปีแล้วปีเล่า
จน 10 ปีผ่านไปลุงแก้วก็มีร่างกายผ่ายผอม ข้าวน้ำกินไม่ลง นอนก็ไม่หลับ เพราะหลับตาลงครั้งใดก็เห็นแต่เต่าตัวนั้นมาเรียกร้องแช่งด่า ทวงขอชีวิตคืน ในที่สุดลุงแก้วต้องนอนคว่ำหน้ามือและขาคู้งอเข้าหาตัว หลังโค้งงอมีลักษณะเหมือนหลังเต่า ลุงแก้วไม่ยอมกินข้าว วันๆได้แต่ร้องขอน้ำจากพระจากเด็กวัด จากชาวบ้านที่ไปเยี่ยมคอยช่วยหยอดน้ำใส่ปากให้ทีละนิดทีละหน่อย แต่ละวันลุงแก้วได้แต่ส่ายหน้ากลอกตา ยกหัวขึ้นเหมือนเต่าน้ำตาไหล พูดจากับใครไม่ได้เป็นเวลา 10 กว่าปี ลุงแก้วจึงได้ตายไป
ตอนลุงแก้วตาย ศพใส่โลงไม่ได้เพราะร่างกายได้โค้งงอเหมือนเต่า สัปเหร่อต้องใช้ไม้ฟืนมาวางไว้เป็นชั้นๆ เอาศพลุงแก้วขึ้นวางแล้วจุดไฟ ตอนเผาศพลุงแก้วศพมีอาการเคลื่อนไหวเหมือนเต่าตอนถูกเผา คนที่ได้กลิ่นศพพากันพูดว่า กลิ่นเหมือนเต่าตอนถูกเผาไฟ
จากเรื่องที่พ่อเล่า ทำให้ลูกๆและทุกคนในบ้านไม่มีใครกล้าฆ่าหรือกินเต่า.